ทำไมค่าสายตาบนแว่นกับค่าสายตาบนคอนแทคเลนส์ถึงใส่ต่างกัน?
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาที่เราใส่คอนแทคเลนส์ ค่าสายตาที่ใช้ถึงต้องปรับลดจากค่าแว่นตาที่วัดที่ร้านแว่นตา ทั้งที่ดูเหมือนเป็นค่าสายตาเดียวกัน? เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของเลนส์กับดวงตา รวมถึงหลักการทางแสงที่ต่างกัน ทำให้ค่าสายตาที่ใช้กับแว่นตาและคอนแทคเลนส์ไม่เหมือนกัน แล้วคุณอยากรู้ไหมว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้และควรเลือกคอนแทคเลนส์อย่างไรให้เหมาะกับสายตาของตัวเอง? วันนี้เราจะพาคุณไปไขข้อสงสัยนี้ด้วยกัน
ทำไมค่าสายตาแว่นกับคอนแทคเลนส์ถึงต่างกัน
เนื่องจากคอนแทคเลนส์มีลักษณะแนบไปกับกระจกตา ส่วนแว่นตาจะอยู่ห่างจากดวงตา ระยะห่างนี้เรียกว่า Vertex distance (VD) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าที่ใช้แตกต่างกัน เมื่อเราสวมใส่แว่นตา จะมีระยะห่างระหว่างกระจกตากับผิวด้านหลังเลนส์ แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้คอนแทคเลนส์ ระยะนี้แทบจะไม่มี ทำให้ต้องมีการคำนวณค่าใหม่
ดังนั้น ค่าสายตาของคอนแทคเลนส์จึงอาจมีค่าน้อยกว่าหรือมากกว่าค่าแว่น ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีสายตาสั้นหรือสายตายาว โดยเฉพาะคนที่มีค่าสายตามากกว่า ±4.00 ขึ้นไป จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน ซึ่งการตรวจวัดอย่างละเอียดจะช่วยให้ได้ค่าที่แม่นยำ
ทำไมเวลาใส่คอนแทคเลนส์แล้วไม่งงเหมือนใส่แว่น
คอนแทคเลนส์จะขยับไปพร้อมกับตา เวลากรอกตาไปมา จุดโฟกัสก็ยังคงอยู่ที่ดวงตาโดยตรง ภาพที่ได้จึงใกล้เคียงธรรมชาติและเกิดการบิดเบี้ยวน้อยกว่าเมื่อเทียบกับแว่น แต่คอนแทคเลนส์ก็มีข้อจำกัด เช่น ระยะเวลาในการใช้งานต่อวัน วิธีการใส่และถอด การดูแลรักษาความสะอาด ไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะตาแห้งหรือโรคตาบางชนิด ดังนั้น การเลือกใช้งานจริงควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ร้านแว่นตา
ทำไมเวลาใส่แว่นสายตาสูง ๆ ถึงงงได้ง่ายกว่า
ในคนที่มีค่าสายตาสูง ภาพที่เกิดจากแว่นจะผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เนื่องจากขนาดภาพที่เปลี่ยนไปจากความโค้งของเลนส์ เช่น สายตาสั้น ภาพจะเล็กกว่าปกติ ส่วนสายตายาว ภาพจะใหญ่กว่าปกติ ซึ่งทำให้ผู้สวมใส่มีโอกาสเวียนหัวหรือมึนงงได้ง่าย การเลือกตัดแว่นสายตา ใช้เลนส์คุณภาพที่น่าเชื่อถือจึงช่วยลดปัญหานี้ได้
ปัจจัยที่ทำให้เวลาใส่แว่นค่าสายตาสูงแล้วมึนงง
ความแตกต่างของภาพระหว่างตาซ้ายและขวา (Anisometropia)
โดยธรรมชาติสมองจะมีการวาดภาพในตาแต่ละข้างให้เป็นภาพเดียว ในกรณีที่ค่าสายตาสองข้างต่างกันมาก และค่าสายตาสูงจะทำให้เห็นภาพในตาแต่ละข้างมีขนาดต่างกัน ดังนั้นสมองจะมีการรวมภาพให้เป็นภาพเดียวได้ยากจึงทำให้เกิดอาการมึน งง ได้ในคนที่ค่าสายตามากและต่างกัน
การหดขยายของภาพบนเลนส์
- ค่าสายตาสั้น (กระจายแสง) : ภาพมีขนาดเล็กลง (Minified effect)
- ค่าสายตายาว (รวมแสง) : ภาพมีขนาดใหญ่ (Magnified effect)
- ภาพบิดเบือนด้านข้าง : ไม่ว่าจะสายตาสั้นหรือสายตายาว สมองต้องประมวลผลเพื่อให้เห็นใกล้เคียงจริง ซึ่งทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้ง่ายขึ้น
Prism Effect
เวลากรอกตาไปที่บริเวณขอบของเลนส์หรือบริเวณที่ไม่ใช่จุดโฟกัส จะเกิดภาพบิดเบี้ยวหรือมีความโค้งที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ สิ่งนี้เกิดจาก ปริซึมบนเลนส์ ซึ่งทำให้เกิดเกิดอาการมึนงง เวลาสวมใส่ได้
วิธีแก้ปัญหาอาการมึนหัวสำหรับคนค่าสายตาสูง
ในกรณีคนที่ค่าสายตาสูง ๆ จะเห็นขนาดภาพแตกต่างกับคนทั่วไป ดังนั้นการเลือกเลนส์และกรอบแว่นที่เหมาะสมจะช่วยลดอาการมึนหัวและเพิ่มความสบายในการใส่แว่นได้มาก
ชนิดของเลนส์ที่แนะนำ
เลนส์ Aspheric, Double Aspheric หรือ Atoric Lenses
- หน้าเลนส์จะมีความแบนกว่าเลนส์ทั่วไป
- ลดความโค้งของเลนส์ ลดการบิดเบือนของภาพ (Spherical aberration)
- เลนส์มีความบางมากขึ้น
เลนส์ย่อบาง High Index Lens
- เลนส์สายตาสั้นมาก หรือยาวมาก หากใช้เลนส์ปกติ จะมีความหนาของขอบ และกลางเลนส์ ทำให้บริเวณด้านข้างของเลนส์เกิดภาพบิดเบือน
- เลนส์บาง ทำให้เลนส์มีความโค้งน้อยลง ช่วยลดภาพบิดเบือน
- ลดน้ำหนักของเลนส์ขณะสวมใส่
การวัดค่าและปรับแต่งแว่นที่แม่นยำ
ตำแหน่ง Optical Center
หากจุดโฟกัสของเลนส์ไม่ตรงกับรูม่านตาอาจเกิด Prism Effect โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดภาพเลื่อนที่ ทำให้ไม่สบายตา ดังนั้นหากต้องการเลนส์ที่สวมใส่สบายการตั้งจุด center ของเลนส์ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน
Vertex Distance ระยะห่างเลนส์กับตา
- ถ้าเลนส์ห่างเกินไป ค่าสายตาเป็นบวกมากขึ้น
- ถ้าเลนส์ใกล้เกินไป ค่าสายตาเป็นลบมากขึ้น
ดังนั้นระยะห่างของตากับแว่นควรอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ติดชิดและห่างตามากจนเกินไป เนื่องจากระยะที่ห่างหรือใกล้มากขึ้นมีผลต่อมุมมองภาพ
Pantoscopic Tilt มุมก้มของเลนส์
ความเทหรือมุมก้มของหน้าเลนส์มีผลต่อความสบายในขณะส่วมใส่ ในกลุ่มคนที่ค่าสายตาสูงมาก ๆ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงบนหน้าแว่นได้ชัดกว่าคนทั่วไป โดยหากหน้าแว่นแบนราบ 90 องศา โดยไม่มีมุมเทของหน้าแว่นเลย จะทำให้ไม่สบายตาได้เวลามองผ่านเลนส์ส่วนล่าง เพราะลักษณะการมองโดยธรรมชาติมนุษย์ จะมีการกรอกตาไปมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และรวมถึงการเหลือบมองพื้นหรือมือถือ ดังนั้นถ้าหากแว่นไม่มีมุมเทที่รับกับการมอง จะทำให้เราเหลือบไปเจอกับบริเวณที่เกิดปริซึม และทำให้มึนหัวได้
Face Form Wrap ความโค้งหน้าแว่น
หากความโค้งไม่สมดุลกับรูปหน้าและเลนส์ จะทำให้เกิดการหักเหของแสงที่ไม่สมดุล เกิดเป็นภาพ distortion ที่ขอบแว่น
ขนาดของกรอบแว่น
ขนาดของกรอบแว่นจะมีผลต่อความสบายเวลาสวมใส่แว่นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีค่าสายตาสูง ๆ
- กรอบใหญ่ จะทำให้เห็นขอบเลนส์ข้าง ๆ มากขึ้น เลนส์หนา ภาพบิดเบือนโดยรอบเยอะ
- กรอบเล็ก ลดภาพบิดเบือนที่เกิดจากบริเวณขอบเลนส์ และทำให้น้ำหนักแว่นลดลง สวมใส่สบายมากขึ้น เท่านี้คุณก็จะได้แว่นที่ใส่สบายน้ำหนักเบาแม้ค่าสายตาจะสูง
เพราะฉะนั้น การเลือกชนิดของเลนส์ ลักษณะกรอบแว่น การปรับดัด รวมถึงการวางจุดโฟกัสของเลนส์ที่ถูกต้องมีผลต่อมุมมองภาพ และความสบายในการสวมใส่
สรุปเลือกเลนส์และคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมควรทำยังไง
การเลือกเลนส์และอุปกรณ์ช่วยการมองเห็นไม่ใช่แค่เรื่องค่าสายตาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเลือกชนิดของเลนส์ที่เหมาะกับค่าสายตา การเลือกกรอบที่เหมาะสมกับรูปหน้า การปรับตั้งจุดโฟกัสและองศาของเลนส์ให้ถูกต้อง
ดังนั้น หากต้องการใช้คอนแทคเลนส์หรือแว่นตาอย่างสบาย ควรเข้ารับการตรวจสายตาอย่างละเอียดกับนักทัศนมาตรที่ร้านแว่นตา เพื่อความมั่นใจ ทั้งนี้ การเข้ารับบริการตัดแว่นสายตา อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณได้เลนส์ที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
บทความโดย
นางสาวฟ้าใส เจริญธนันพัชร์
นักทัศนมาตร