FRAMES

EYEWEAR SELECTIONS

HIGH QUALITY BRANDNAME EYEWEARS

brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
เลนส์โปรเกรฟซีฟ

รู้จักแว่นโปรเกรสซีฟให้มากขึ้นก่อนตัดสินใจตัดแว่น


18/Aug/2025
18/Aug/2025 12:00 PM

เมื่ออายุมากขึ้น ปัญหาสายตายาวตามอายุมักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และหลายคนเริ่มรู้สึกไม่สะดวกในการถอดแว่นเข้าออกเพื่อดูระยะต่าง ๆ เลนส์ Progressive Lens จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การมองเห็นเป็นธรรมชาติมากขึ้น ครอบคลุมทั้งระยะใกล้ กลาง และไกลได้อย่างลงตัวในเลนส์เดียว บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเลนส์โปรเกรสซีฟว่าคืออะไร เหมาะกับใคร และมีวิธีเลือกใช้งานอย่างไรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของคุณ


แว่นโปรเกรฟซีฟกับ Life Style

แว่น Progressive Lens ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการมองเห็นทุกระยะ ทั้งไกล กลาง และใกล้ ในเลนส์เดียว ไม่ต้องคอยถอดแว่นเข้า-ออกให้ยุ่งยาก จึงตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้สวมใส่อย่างแท้จริง


แว่นโปรเกรฟซีฟเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหน

  • เลนส์มีคุณสมบัติที่สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ที่เริ่มมีปัญหาการมองเห็นระยะใกล้ หรือผู้ที่มีปัญหาค่าสายตา ไม่ว่าจะเป็น สั้น ยาว เอียง ร่วมกับการมีค่าสายตายาวตามอายุ
  • ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย มองเห็นได้คมชัด ไม่ต้องพกแว่นหลายตัว เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี
  • เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป ไม่ว่าจะขับรถและต้องการมองเห็นคอนโซลหน้ารถ หรือ GPS ขณะขับขี่ หรือผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ต้องเข้าห้องประชุม สัมมนา บ่อย ๆ

แว่นโปรเกรฟซีฟมีข้อจำกัดกับไลฟ์สไตล์แบบไหน

สำหรับแว่น Progressive Lens อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆหรือทำงานหลายหน้าจอ เนื่องจากโครงสร้างเลนส์มีข้อจำกัดในเรื่องมุมมองภาพ อาจจะทำให้ไม่สะดวกและอาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยคอได้ หากต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์นาน ๆ ควรพิจารณาเลนส์เฉพาะทางสำหรับทำหน้าจอคอม (OFFICE LENSES) เพิ่มเติม


ตำแหน่งการมองเห็นเลนส์โปรเกรฟซีฟ

ค่าสายตากับการมองเห็น

สายตากับการมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น คนส่วนใหญ่ก็เริ่มประสบกับปัญหาสายตายาวตามอายุ อาการเริ่มแรกของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่าง บางคนเวลาจ้องมองมือถืออาจจะต้องยืดแขนออกไปจากระยะเดิมเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น หรือบางคนเปรียบเทียบกับแว่นตัวเดิมที่ตัวเองใส่แต่ก่อนก็ไม่ได้มีปํญหา แต่พอยกแว่นสังเกตว่ามองเห็นระยะใกล้ได้ดีกว่า นี่อาจจะเป็นข้อสังเกตง่าย ๆ ว่าเราเริ่มมีค่าสายตาตามอายุแล้ว


ควรเข้ามาตรวจวัดสายตาเมื่อไหร่

ถ้าหากเริ่มสังเกตเห็นอาการดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการยืดแขนออกไปเพื่อให้อ่านตัวหนังสือได้ง่ายขึ้น แว่นเดิมเริ่มมองระยะใกล้ไม่ชัด แนะนำให้เข้ามาตรวจวัดสายตากับผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาหรือนักทัศนมาตรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการตรวจวัดสายตาและประเมินปัญหาสายตาต่าง ๆ ร่วมถึงการตรวจสุขภาพตาเบื้องต้น เพื่อให้ได้ค่าสายตาที่ถูกต้อง ใส่สบาย และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน


ทำไมต้องตรวจวัดสายตากับผู้เชี่ยวชาญหรือนักทัศนมาตร?

นักทัศนมาตรทุกคนผ่านการสอบเพื่อรับหนังสืออนุญาตหรือใบประกอบให้ทำการประกอบโรคศิลปะ ซึ่งได้การรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข หลักสูตร 6 ปี เรียนเนื้อหาเกี่ยวกับระบบการมองเห็น การทำงานระหว่างตาทั้งสองข้าง กายภาพของตา และเนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง


นักทัศนมาตรมีความเชี่ยวชาญในการตรวจวัดสายตาและประเมินโรคตาเบื่องต้นได้ นักทัศนมาตรมีขั้นตอนการตรวจวัดค่าสายตาอย่างละเอียด ดังนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 การซักถามประวัติเกี่ยวกับสายตา ปัญหาที่พบ ประวัติการใช้แว่นตา คอนแทคเลนส์ ประวัติสุขภาพทั่วไป และลักษณะการใช้งานสายตา เพื่อนำไปประกอบพิจารณาในการเลือกเลนส์ที่เหมาะสม
  • ขั้นตอนที่ 2 ตรวจการมองเห็นเบื้องต้น เป็นการตรวจวัดการมองเห็นด้วยตาเปล่า หรือหากมีแว่นให้ส่วมใส่แว่นเดิมได้ ทดสอบโดย ปิดตาซ้าย /ขวา เพื่อดูความสามารถในการมองเห็นของผู้ทดสอบ (ห้องตรวจวัดสายตาควรอยู่ในระยะ 6 เมตร)
  • ขั้นตอนที่ 3 การตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อตาเบื้องต้น เพื่อทดสอบการทำงานของกล้ามเนื้อตาทั้งสองข้างว่ามีปัญหาหรือไม่ พบอาการตาเขหรือตาเหล่ไหม
  • ขั้นตอนที่ 4 การตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด
    - OBJECTIVE REFRACTION เป็นการตรวจค่าสายตาเบื้องต้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Auto-refractor) หรือ Retinoscope เป็นการประเมินค่าสายตาคร่าว ๆ ยังไม่สามารถนำค่านี้มาใช้ได้จริง
    - SUPJECTIVE REFRACTION เป็นการตรวจค่าสายตาอย่างละเอียดด้วยเครื่อง Phoropter ปัจจุบันมีทั้งแบบ Manual และAuto เป็นเครื่องที่สามารถตัววัดค่าสายตาที่ละข้างและร่วมกัน (Binocular Balancing)
  • ขั้นตอนที่ 5 สรุปผลและประเมินค่าสายตา ค่าสายตาที่ได้จากการตรวจวัดสายตา จะต้องถูกนำมาลองให้ผู้ทดสอบลองใช้งานจริง ว่าใส่แล้วไม่รู้สึกถึงอาการตึงตาหรือเพ่งสายตาจนเกินไป เวลาเดินไม่ได้รู้สึกว่าพื้นมีลักษณะแปลกไป เป็นต้น
  • ขั้นตอนที่ 6 แนะนำเลนส์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ บางคนเริ่มมีปัญหาสายตายาวตามอายุ และไม่อยากต้องคอยถอดแว่นเข้าออก เลนส์ที่จะแนะนำให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ผู้ส่วมใส่ก็จะแนะนำเป็น เลนส์ Progressive Lens เพราะตัวเลนส์มีโครงสร้างที่มีการไล่ระดับค่าสายตาจากระยะไกลลงมาระยะใกล้ เป็นตัวเลนส์ที่ช่วยตอบโจทย์มากที่สุด

การเลือกชนิดเลนส์โปรเกรสซีฟ

เลนส์ Progressive Lens เป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาค่าสายตาและค่าสายตายาวตามอายุที่เกิดขึ้น จึงทำให้เรายังคงสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องถอดแว่นเข้าออก สามารถรองรับทุกค่าสายตา ด้วยการออกแบบโครงสร้างที่มีการขัดไล่ระดับค่าสายตาจากโซนมองระยะไกลมาระยะใกล้ และปัจจุบันเลนส์มีตัวเลือกมากมาย ดังนั้นปัจจัยในการเลือกเลนส์ คือ

  • ความซับซ้อนของค่าสายตา ถ้าหากเลือกโครงสร้างการขัดที่ดีขึ้นละเอียดมากขึ้นก็จะทำให้การส่วมใส่แว่น Progressive Lens ได้ง่ายขึ้น เวลาในการปรับตัวน้อยลง
  • การเลือก INDEX ที่เหมาะสมกับเลนส์ ในกรณีค่าสายตาเยอะ การใช้ความหนาเลนส์ธรรมดาอาจจะไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากอาจจะทำให้ผู้ส่วมใส่ ใส่ไม่สบาย หนัก และกดทับบริเวณจมูก

ความสำคัญของการเลือกกรอบแว่นสำหรับเลนส์โปรเกรสซีฟ

การเลือกแว่นตาไม่ได้ช่วยในการมองเห็นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมบุคลิกภาพและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ส่วมใส่ ดังนั้นการเลือกแว่นตาที่เหมาะสมกับค่าสายตาและชนิดของเลนส์ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ทรงแว่นตาที่เหมาะสมกับรูปหน้าจะช่วยปรับสมดุลบนใบหน้าของคุณได้ และการเลือกแว่นที่เข้ากับโครงหน้าจะช่วยเน้นความสวยงาม ทำให้ใบหน้าดูมีสัดส่วนมากขึ้น แต่ถ้าเลือกทรงแว่นที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผู้ส่วมใส่เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ หรือรู้สึกแปลกตา ทำให้ไม่อยากส่วมใส่แว่นตาอีกด้วย


แว่นแบบไหนเหมาะกับเลนส์โปรเกรสซีฟ?

  • แว่นที่พอดีกับหน้าผู้ส่วมใส่ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป เนื่องจากโครงสร้างของเลนส์ Progressive Lens จะมีบริเวณขอบเลนส์ที่เรียกว่าโซนภาพบิดเบือน ถ้าหากเลือกแว่นที่ใหญ่จนเกินไปอาจจะได้รับโซนภาพบิดเบือนมากขึ้น ทำให้การส่วมใส่เลนส์เกรฟซีฟยากขึ้น ปรับตัวนานขึ้น หรือบางคนทำให้ไม่อยากใส่แว่นไปเลย ถ้าเลือกกรอบแว่นที่เล็กเกินไป จะทำให้มุมมองโซนอ่านหนังสือถูกจำกัดจนเกินไป ไม่สะดวกต่อการใช้งาน
  • แว่นที่สามารถปรับแต่งได้ตามสรีระของผู้ส่วมใส่ ปัจจุบันมีแว่นหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์ให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นไทเทเนียม โลหะ หรือพลาสติก ควรเลือกให้เหมาะสมกับสรีระใบหน้า เช่น ควรเลือกแว่นที่มีแป้นจมูก สำหรับคนมีสันจมูกน้อย
  • แว่นที่โค้งมาก ๆ อาจจะไม่เหมาะกับการทำเลนส์ Progressive Lensเนื่องจากจะทำให้ไม่สบายตา และทำให้มุมมองของภาพดูแคบลง กรอบแว่นที่โค้งมาก ๆ สามารถทำได้ อาจจะต้องใช้เลนส์เฉพาะทางสำหรับกรอบที่โค้ง แต่มุมมองภาพอาจจะไม่สบายตาเท่ากับแว่นที่มีความโค้งปกติ

การปรับดัดแว่นให้เหมาะกับเลนส์โปรเกรสซีฟ

ปรับดัดแว่นให้ได้ตามค่ามาตรฐานที่เหมาะสม (Position of wear) ถ้าสามารถปรับดัดแว่น ให้แว่นอยู่ในค่าพารามิเตอร์มาตรฐานเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความโค้งหน้าแว่นไม่เกิน 5 มุมเทหน้าแว่นอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม 5-7 องศา และ ระยะห่างระหว่างเลนส์กับตาอยู่ที่ประมาณ 12 mm จะทำให้การตัดแว่นโปรเกรสซีฟมีประสิทธิภาพสูงสุดและใส่สบายตามากยิ่งขึ้น


ตัดแว่นโปรเกรฟซีฟที่ Opticland

ความสำคัญของการวางตำแหน่งเลนส์โปรเกรสซีฟ

ตำแหน่งของเลนส์ Progressive Lens และพารามิเตอร์มีความสำคัญอย่างมากต่อการมองเห็น เพราะเลนส์ถูกออกแบบมาให้โซนด้านบนมองเห็นภาพระยะไกล ขับรถ ดูทีวี ถัดมาจะเป็นโซนระยะกลางซึ่งอาจจะต้องเหลือบตาลงมาเล็กน้อยหรือเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองผ่านส่วนกลางของเลนส์ จะใช้สำหรับการดูจอคอม และสุดท้ายโซนด้านล่างของเลนส์ ใช้สำหรับมองใกล้ อ่านหนังสือ ซึ่งแต่ละโซนมีความสำคัญที่แตกต่างกันออกไป ถ้าหากตำแหน่งที่วางผิดเพี้ยนไป จะทำให้คุณภาพการมองเห็นลดน้อยลง และยังทำให้ใส่ไม่สบายตาอีกด้วย


ค่าพารามิเตอร์สำคัญของแว่นโปรเกรสซีฟ

  • ระยะห่างระหว่างรูม่านตา (Pupillary Distance - PD): ระยะห่างระหว่างรูม่านตาทั้งสองข้าง มีผลต่อตำแหน่งของเลนส์ที่อยู่ตรงกลางรูม่านตา
  • ความสูงของรูม่านตา (Fitting Height - FH): ระยะห่างระหว่างรูม่านตากับขอบล่างของกรอบแว่น
  • ความโค้งของหน้าแว่น (Face Form Angle - FFA): มุมที่เลนส์ทำกับใบหน้า มีผลต่อความสบายในการมอง
  • มุมเทหน้าแว่น (Pantoscopic Tilt Angle - PTA): มุมที่เลนส์เอียงเข้าหาใบหน้า มีผลต่อการมองเห็นระยะใกล้และไกล
  • ระยะห่างของกระจกตาถึงเลนส์ (Corneal Vertex Distance - CVD): ระยะห่างระหว่างกระจกตากับเลนส์ มีผลต่อการมองเห็นและความสบายในการสวมใส่
  • การเลือก CORRIDOR ของเลนส์: ควรเลือก CORRIDOR ที่เหมาะสมกับกรอบและการใช้งานของลูกค้า ประกอบกับการคำนึงถึงค่าสายตาของแต่ละบุคคลร่วมด้วย

ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการวางตำแหน่งของเลนส์โปนเกรฟซีฟ แนะนำให้มีผู้เชี่ยวชาญในการปรับดัดแว่นช่วยปรับดัดให้อยู่ตำแหน่งที่เหมาะสม และ วางตำแหน่งเลนส์โปรเกรสซีฟให้ตรงกับตำแหน่งของระดับสายตา จะทำให้ผู้ส่วมใส่ ใส่สบาย ปรับตัวได้ง่าย และ ทำให้ผู้ส่วมใส่เลนส์ Progressive Lens สามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น



บทความโดย
ณัฎฐนันท์ สกุลชัยวัฒนา
นักทัศนมาตร ทม.562/2566

Recent View Blog

Latest blog

See More

ติดต่อสอบถาม

02-259-9158