FRAMES

EYEWEAR SELECTIONS

HIGH QUALITY BRANDNAME EYEWEARS

brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
brand
เลนส์โปรเกรสซีฟ Opticland

ทำไมเลนส์โปรเกรสซีฟถึงมีหลายราคา ?


10/Dec/2025
10/Dec/2025 04:03 AM

เนื่องจากเลนส์โปรเกรสซีฟมีโครงสร้างที่ประกอบไปด้วยการไล่ค่าสายตาแบบไร้รอยต่อ ประกอบไปด้วยค่าสายตามองไกล กลาง และใกล้ โครงสร้างเลนส์จึงมีความซับซ้อนมากกว่าปกติ เพราะการบีบอัดของเลนส์หลายๆค่าสายตาทำให้บริเวณด้านข้างของเลนส์เกิดภาพบิดเบือน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Distortion Area ซึ่งเป็นบริเวณของเลนส์ที่เมื่อมองผ่านจะเห็นภาพที่มีลักษณะเหมือนภาพล้มและไม่คมชัด ทำให้เกิดความวูบวาบ หรือเวียนศีรษะขณะสวมใส่ได้

ดังนั้นเลนส์โปรเกรสซีฟจึงมีด้วยกันหลากหลายโครงสร้าง มีเทคโนโลยีการผลิต และการขัดละเอียดที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้รองรับกับค่าสายตาหรือลักษณะของกรอบแว่น เพราะหากเลือกชนิดเลนส์ให้ถูกต้องเหมาะสม จะช่วยทำให้ปรับตัวง่ายยิ่งขึ้น และสวมใส่สบายมากขึ้นด้วย


โครงสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟ


เลนส์โปรเกรสซีฟ


ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาเลนส์โปรเกรสซีฟที่คุณควรรู้

1.เทคโนโลยีและวิธีการผลิตเลนส์

เลนส์จะมีการขัดเลนส์หลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยลดภาพบิดเบือนด้านข้างให้น้อยลง และเพิ่มความเป็นธรรมชาติของภาพให้มากยิ่งขึ้น โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี

1.การขัดแบบพื้นฐาน (Conventional progressive lens)

เป็นการขัดแบบดั้งเดิมโดยหล่อโครงสร้างโปรเกรสซีฟไว้ด้านหน้าเลนส์และขัดค่าสายตาที่ต้องการด้านหลัง มีข้อเสียคืออาจทำให้เกิดภาพบิดเบือนด้านข้างและรู้สึกว่าภาพไหวได้ง่ายกว่า


Conventional progressive lens


2.การขัดแบบ (Freeform Design)

เป็นการขัดโดยการใช้เครื่อง CNC หรือ Computer Numeral Control เพื่อปรับผิวเลนส์แบบดิจิทัล ด้านการทำงานจะประกอบไปด้วยส่วนของเครื่องจักร และส่วนของซอฟแวร์ที่คุมเครื่องจักร เป็นเทคโนโลยีการขัดด้วยเครื่องจักรที่มีความละเอียดสูงจุดต่อจุด ทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น ภาพบิดเบือนน้อยลง และผู้ใช้ปรับตัวได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาซับซ้อน


Freeform design progressive lens


การเปรียบเทียบมุมมองภาพที่ได้จากการขัดเลนส์แบบ conventional และแบบ freeform


2.พื้นที่การมองเห็นและระดับของเลนส์โปรเกรสซีฟ

2.1 เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นเริ่มต้น

ราคาค่อนข้างถูก เนื่องจากโครงสร้างเลนส์รองรับคนที่มีค่าสายตาไม่สูงมาก มีภาพบิดเบือนมากกว่ารุ่นที่สูงกว่าหากเปรียบเทียบในกรณีที่ค่าสายตาเดียวกัน รวมถึงบริเวณอ่านหนังสือและระยะกลางค่อนข้างน้อย


เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นเริ่มต้น


2.2 เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นกลาง-สูง (ราคาประมาณ 10,000-30,000 บาท)

จะเริ่มมีการขัดแบบละเอียดมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับค่าสายตาสูงขึ้น และค่าสายตาแบบซับซ้อนได้ มีการเพิ่มเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาเพื่อลดภาพบิดเบือนในโซนกลางและใกล้ มุมมองภาพดียิ่งขึ้น มีการจัดการภาพล้มให้ไปในทิศทางเดียวกันเพื่อลดความวูบไหวขณะหันศีรษะ มีการคำนวณ Inset (ระยะการเหลือบเข้าของดวงตา) ทำให้การเปลี่ยนโฟกัสมีความสมูทมากขึ้น และมองเห็นโซนอ่านหนังสือได้ง่ายขึ้น ในรุ่นที่สูงขึ้นจะมีเทคโนโลยีการขัดที่ทำให้ขนาดภาพของทั้งสองตาใกล้เคียงกัน ในกรณีที่ค่าสายตาสองข้างต่างกันมาก ๆ เพื่อให้การทำงานของสองตารวมภาพได้ดียิ่งขึ้น ทำให้สวมใส่สบายมากกว่าตัวเริ่มต้น


เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นกลาง-สูง


2.3 เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นพรีเมี่ยม

ราคาสูงที่สุด แต่สวมใส่สบายมากกว่า เนื่องจากมีการนำค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ที่เป็นของแต่ละบุคคลเข้ามาคำนวณเพื่อขัดเลนส์ด้วย เช่น ค่ามุมโค้ง (Wrap) มุมเท (Panto) ของกรอบแว่น, ระยะห่างระหว่างกระจกตา (Vertex Distance) มีการใช้ตาหลัก (Dominate Eye) และเลือกค่า Corridor ได้ Variable มากขึ้น รวมถึงมีการใช้ AI ในการคำนวณออกแบบโครงสร้างของเลนส์ตามลักษณะค่าสายตาและพฤติกรรมการใช้งานสายตา


เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นพรีเมียม


3.วัสดุของเลนส์ (Material) และกรอบแว่น (Frame) ที่เลือกใช้

วัสดุของเลนส์จะมีผลกับราคาด้วย โดย Index ที่สูงขึ้น (ย่อบาง) จะทำให้ราคาเลนส์สูงตามขึ้นไปด้วย การเลือก Index ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย

3.1 ค่าสายตา

หากค่าสายตาสั้น-ยาว รวมเอียงไม่สูงมาก สามารถเลือก Index ธรรมดา เช่น 1.5 ได้ แต่ในคนที่ค่าสายตาสูงๆ ควรเลือก Index ที่สูงขึ้น เพื่อให้เลนส์บางและเบายิ่งขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นตามลำดับ


ค่าสายตาของเลนส์


3.2 ลักษณะของกรอบแว่น

  • กรอบเต็ม (โลหะ/พลาสติก): ถ้าค่าสายตาไม่สูงมาก สามารถใช้ Index 1.5 ได้ ราคาเลนส์จะถูกกว่า


ตัวอย่างกรอบเต็มโลหะ



ตัวอย่างกรอบเต็มพลาสติก


  • กรอบเจาะ/กรอบครึ่ง: หากเลือกกรอบแว่นแบบกรอบเจาะ หรือกรอบครึ่ง ก็ควรใช้ Index 1.6 แม้ว่าจะค่าสายตาไม่เยอะก็ตาม และในคนค่าสายตาน้อยหรือคนที่มีค่าสายตายาวจะต้องใช้เป็นเลนส์สั่งทำเพื่อเพิ่มความหนาให้มากพอที่ขอบด้านข้างของเลนส์ เพื่อให้สามารถประกอบเลนส์เข้ากรอบแว่นได้ หรือในคนที่ค่าสายตาสูงๆ สามารถเลือก 1.6 หรือ 1.67 ได้พิจารณาตามค่าสายตาและความหนาที่เหมาะสมกับกรอบแว่น ทั้งสอง Index จะมีความแข็งแรงมากกว่า 1.5 เนื่องจากตัววัสดุจะมีความเหนี่ยวและแข็ง จึงมีคงทนและไม่เปราะจนเกินไป แต่ทำให้ราคาจะสูงขึ้นด้วยตามลำดับ และไม่แนะนำกรอบชนิดนี้ใน Index 1.5 และ 1.74 เนื่องจากเลนส์จะมีความเปราะมาก ทำให้เลนส์แตกได้ง่าย


ตัวอย่างกรอบเซาะร่อง หรือ Nylor




ตัวอย่างกรอบเจาะ หรือ Rimless  Frame


  • กรอบ Sport หรือกรอบที่มีความโค้งสูง: ต้องเลือกเลนส์เฉพาะที่สั่งทำความโค้งสูงได้ ซึ่งทำให้มุมมองภาพแคบลงกว่ากรอบปกติ และราคาสูงขึ้น


ตัวอย่างกรอบ Sport หรือกรอบที่มีความโค้งสูง


4.ชนิดของเลนส์และการเคลือบผิว (Coating)

ชนิดของเลนส์โปรเกรสซีฟ

  • 1.เลนส์ใส (Clear Lens): ราคาต่ำสุด


เลนส์ใส เลนส์โปรเกรสซีฟ


  • 2.เลนส์โปรเกรสซีฟเปลี่ยนสี (Photochromic Lens): ราคาสูงกว่าเลนส์ใส เพราะกระบวนการผลิตซับซ้อนกว่า


เลนส์โปรเกรสซีฟเปลี่ยนสี


  • 3.เลนส์โปรเกรสซีฟทำสี (Tinted Lens/Sunglasses): ราคาสูงกว่าเลนส์ใส และราคาจะขึ้นอยู่กับชนิดของการทำสี (ธรรมดา, Polarized, Mirror)


เลนส์โปรเกรสซีฟทำสี


โค้ทติ้ง (Coating)

  • โค้ทติ้งพื้นฐาน: ป้องกันรอยขีดข่วน (Anti-Scratched), กันแสงสะท้อน (Anti-Reflection), ป้องกันแสง UV, ป้องกันแสงจ้า (Anti-Glare)
  • โค้ทติ้งเพิ่มเติม: Blue Light Protection, Anti-Fog, Mirror / Polarized (ต้องเพิ่มเงิน)


โค้ทติ้ง เลนส์โปรเกรสซีฟทำสี


ตัวอย่างโค้ทติ้งของเลนส์โปรเกรสซีฟ


5.แบรนด์และการรับประกัน

  • Local Brand: ราคาจะย่อมเยามากกว่า มีเทคโนโลยีให้เลือกไม่มากนัก รับประกันโค้ทติ้งเลนส์ประมาณ 1 ปี
  • Brand ที่มีชื่อเสียงและนำเข้าจากต่างประเทศ: ราคาสูงกว่า แต่โครงสร้างเลนส์และเทคโนโลยีหลากหลายกว่า รวมถึงโค้ทติ้งต่างๆ ให้เลือกสรรเพิ่มมากขึ้น การปรับประกันสินค้าจะอยู่ในระยะเวลา 1-2 ปีแล้วแต่ยี่ห้อ

สรุป

ราคาของเลนส์โปรเกรสซีฟแตกต่างกันตามเทคโนโลยีการผลิต โครงสร้างเลนส์ วัสดุ โค้ทติ้ง และกรอบแว่นที่ใช้ รวมถึงค่าสายตาและความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานแต่ละคน หากเลือกเลนส์ที่เหมาะสม จะช่วยให้ปรับตัวง่ายและสวมใส่สบายมากยิ่งขึ้น

บทความโดย

ยลธิดา ลีลา
นักทัศนมาตร (ทม.503/2567)

Recent View Blog

Latest blog

See More

ติดต่อสอบถาม

02-259-9158