เลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ (Photochromic) เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหน?
เคยสงสัยไหมคะ ว่าคนที่มีค่าสายตาจะใส่แว่นกันแดดได้ไหม? ต้องใส่แว่นกันแดดทับกับแว่นสายตาหรือเปล่า? หรือมีทางเลือกที่สะดวกกว่านั้น? วันนี้ Opticland ร้านแว่นตา ที่เข้าใจทุกปัญหาด้านสายตา จะพาทุกคนมารู้จักกับ เลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ (Photochromic Lens) ตัวช่วยสุดชาญฉลาดที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ทั้งเรื่องสายตาและแสงแดดในทุกวัน
ทำความรู้จักกับ เลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ หรือ Photochromic Lens
ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “เลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ” หรือ Photochromic Lens คืออะไร เลนส์ชนิดนี้จะสามารถเปลี่ยนสีได้ตามสภาพแสงและอุณหภูมิรอบตัว เช่น เมื่อเจอแสงแดดที่มีรังสี UV เข้มข้น เลนส์จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น คล้ายแว่นกันแดด แต่ความเข้มจะไม่เท่ากันเสียทีเดียว และเมื่อกลับเข้ามาในที่ร่มหรือในอาคารที่มีแสง UV น้อยลง เลนส์ก็จะค่อย ๆ กลับมาใสเหมือนเดิม

หลักการทำงานของเลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ
ในเนื้อเลนส์จะมี “สารโมเลกุลไวต่อแสง” ที่สามารถตอบสนองต่อคลื่นแสงและอุณหภูมิ เมื่อสัมผัสกับแสงที่มีพลังงานสูงอย่างแสงอัลตราไวโอเลต (UV) สารเหล่านี้จะเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี ทำให้เลนส์เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นโดยอัตโนมัติ

โดยทั่วไป เลนส์จะเปลี่ยนสีเข้มขึ้นภายในประมาณ 30 วินาที เมื่ออยู่กลางแดด และจะค่อย ๆ กลับมาใสในเวลาเฉลี่ย 2–3 นาที เมื่ออยู่ในที่ร่มหรืออุณหภูมิอุ่นขึ้น เช่น เดินออกจากอาคารเจอแดด เลนส์จะเข้มขึ้น และเมื่อกลับเข้ามาในห้อง เลนส์จะค่อย ๆ ใสกลับมาอย่างเป็นธรรมชาติ


ความต่างระหว่างเลนส์เปลี่ยนสีราคาถูกกับเลนส์เปลี่ยนสีราคาแพง?
ในท้องตลาดมีเลนส์เปลี่ยนสีหลายระดับราคา ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่น ซึ่งความแตกต่างนั้นเกิดจากทั้งกระบวนการผลิต วัสดุที่ใช้ และเทคโนโลยีของเลนส์ มาดูกันว่าต่างกันอย่างไรบ้าง
วิธีการผลิตเลนส์และสารเคมีที่ใช้
แบบฟิล์มเคลือบบนผิวเลนส์
ข้อดี:
- ราคาถูก
ข้อเสีย:
- ระยะเวลาในการเปลี่ยนสีและคืนกลับช้า
- เปลี่ยนสีไม่เข้มเมื่อเทียบเท่ากับเลนส์ตัวที่มีราคาสูงกว่า
แบบผสมในเนื้อเลนส์
ข้อดี:
- ระยะเวลาในการเปลี่ยนสีและคืนสีกลับไวกว่า
- เปลี่ยนสีได้เข้มขึ้น แต่ความเข้มไม่เทียบเท่ากับแว่นกันแดด
ข้อเสีย:
- ราคาสูง
เทคโนโลยีที่เพิ่มเข้าไป
1.สามารถเปลี่ยนสีได้แม้อยู่ในรถยนต์
2.เปลี่ยนสีเป็นเลนส์ Polariezed โดยมีคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามา คือ ช่วยตัดแสงสะท้อนได้ดี เปลี่ยนสีเข้มที่สุด
3.เปลี่ยนสีเป็นเลนส์ปรอท
ข้อดี:
- มีตัวเลือกที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์กับการไลฟ์สไตล์หรือการใช้งานมากขึ้น
ข้อเสีย:
- ราคาสูง
- เลนส์ไม่ใส เมื่อเทียบกับเลนส์เปลี่ยนสีธรรมดาทั่วไป
ความทนทานและระยะเวลาการใช้งาน
เลนส์ราคาถูก:
- อายุการใช้งานสั้นโดยเฉลี่ย 1-2 ปี (ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลรักษา)
- หากเกิดรอยขีดข่วนบนเลนส์อาจทำให้สารที่เคลือบบนเลนส์หลุด ส่งผลให้ประสิทธิภาพการเปลี่ยนสีก็ลดลง
เลนส์ราคาแพง:
- อายุการใช้งานยาวโดยเฉลี่ย 3-4 ปี (ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลรักษา)
- หากเกิดรอยขีดข่วนบนเลนส์ จะไม่กระทบกับประสิทธิภาพการเปลี่ยนสีของเลนส์
ความสม่ำเสมอในการเปลี่ยนสี
เลนส์ราคาถูก: เปลี่ยนสีไม่สม่ำเสมอกันทั่วทั้งเลนส์ และเปลี่ยนสีไม่เข้ม
เลนส์ราคาแพง: เปลี่ยนสี การกระจายตัวของสารเคมีสม่ำเสมอ และเปลี่ยนสีเข้มทั่วเลนส์
ข้อดีและข้อเสียของเลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ
ข้อดีของเลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ
- ช่วยปกป้องดวงตาจากอันตรายที่เกิดจากแสง UV
- ช่วยกรองแสงสีฟ้า ลดแสงจ้าจากหน้าจอ อุปกรณ์ดิจิตอล
- ช่วยลดอาการไม่สบายตาเมื่ออยู่ในที่แสงจ้า
- สำหรับคนที่มีค่าสายตา เป็นตัวช่วยที่ดีและสะดวกเนื่องจากไม่ต้องพกแว่นแยกหลายตัว
- มีสีให้เลือกหลากหลาย สามารถเลือกให้เข้ากับสีกรอบหรือไลฟ์สไตล์ได้
ข้อเสียของเลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ
- ความเข้มอาจไม่เข้มเทียบเท่ากับแว่นกันแดด
- ในคนที่ต้องทำงานเกี่ยวกับสี การแยกสี อาจไม่เหมาะเนื่องจากตัวเลนส์อาจทำให้การแยกสีผิดเพี้ยนไปได้
- ไม่เปลี่ยนสีในรถยนต์หรือเปลี่ยนแต่อาจไม่เข้มมาก เนื่องจากรถยนต์มีฟิลม์กรองแสง UV ทำให้เลนส์อาจไม่เปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนแต่ไม่เข้ม
เหมาะกับใครไลฟ์สไตล์แบบไหน?
- คนที่ทำงานออกกลางแจ้งบ่อย หรือทำงานในที่โล่งเเจ้งนาน ๆ
- คนที่มีกิจกรรมกลางแจ้ง Outdoor ตลอดเวลา
- แพ้แสง Sensitive ต่อแสง
- คนที่มีค่าสายตาแต่ไม่อยากพกแว่นแยกหลายตัว
สรุป
เลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ หรือ Photochromic Lens เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์หรือกิจกรรมที่ต้องออกกลางแจ้งบ่อย ๆ เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่มีค่าสายตาและไม่อยากพกแว่นแยกหลายตัว ทั้งสะดวก ปลอดภัย รวมไปถึงช่วยปกป้องและถนอมสายตาในทุกสภาพแสง
บทความโดย
นางสาว ภัทรวรรณ ฆะปัญญา
นักทัศนมาตร
อ้างอิง
https://iotlenses.com/blog/what-are-photochromic-lenses-and-their-benefits.html












